วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อนุทินครั้งที่ 6

อนุทินครั้งที่ 6
( 30 มกราคม 2555)

  ระบบคอมพิวเตอร์  



                                                               >> HARDWARE <<

อุปกรณ์รับข้อมูล
Keyboard, Mouse, Track Ball, Joystick, Scanner เครื่องอ่านบาร์โค้ด  เครื่องอ่านอักขระด้วยแสง
 ปากกาแสง จอสัมผัส ไมโครโฟน เป็นต้น

อุปกรณ์ของหน่วยประมวลผล  
หน่วยควบคุม CU ประกอบด้วย Address Word และ Instruction Word 
หน่วยคำนวณและเปรียบเทียบ ALU ทำหน้าที่คำนวณผลข้อมูล 
หน่วยความจำชั่วคราวที่ใช้เก็บค่าและข้อมูลต่างๆ เรียกว่า Registers
หน่วยความจำ MU เรียกว่าSecondary Memory / Storage Media ใช้ในการเก็บข้อมูล 

อุปกรณ์แสดงผล Output Devices 
จอภาพ Monitor 
เครื่องพิมพ์ Printer 
เครื่องวาดรูปพล็อตเตอร์
 เครื่องแสดงผลด้วยเสียง Sound Speaker เป็นต้น   


>> SOFTWARE <<

System Software
ประกอบด้วย ระบบปฏิบัติการ OS ทำหน้าที่จัดการไฟล์จัดการหน่วยย่อยต่างๆในฮาร์ดแวร์
ควบคุมการปฏิบัติงานของฮาร์ดแวร์ และสนับสนุนคำสั่งสำหรับควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ประยุกต์ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น MS - DOS , UNIX , Windows 95 , และ Mac System 7 เป็นต้น 
    


Translation Program 
คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการแปลโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่เขียนด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาเครื่อง หรือภาษาเครื่องที่ไม่เข้าใจให้เป็นภาษาที่เครื่องสามารถรู้เรื่องเข้าใจ และนำไปปฏิบัติได้ เช่น ภาษา BASIC ,COBOL,C, PASCAL, FORTRAN, ASSEMBLY สำหรับตัวแปลนั้นจะมี 3 แบบคือ

Assembler 
เป็นโปแกรมที่ใช้แปลภาษาแอสแซมบลี ซึ่งมีลักษณะการแปลทีละคำสั่ง เมื่อทำตามคำสั่งนั้นเสร็จแล้ว ก็จะแปลคำสั่งถัดไปเรื่อย ๆ จนจบ

Interpreter 
เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาเบสิก โดยจะแปลทีละคำสั่งแล้วทำตามคำสั่งนั้น แล้วแปลต่อไปเรื่อย ๆ จนจบโปรแกรม 

Compiler
 เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ซึ่งจะแปลทั้งโปรแกรมให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงจะปฏิบัติตามคำสั่งทีละคำสั่ง


Application Software
โปรแกรมที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นผู้เขียนมาใช้งานเอง เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่
งตามที่ต้องการ 






คำถาม
นามสกุลไฟล์รูปภาพและไฟล์เสียง


ไฟล์รูปภาพ

(1) JPG , JPEG (.jpg ) 
เป็นไฟที่สามารถขยาย บีบอัดไฟล์ได้และคุณภาพก็พอประมาณ คือเหมาะจะนำไปใช้กับเว็บไซด์
สามารถใช้กับงานสิ่งพิมพ์บางงานที่ไม่เน้นคุณภาพมากนัก 

(2) GIF (.gif) 
เป็นไฟล์ที่จะถูกอัดบีบให้เล็กลง ความละเอียดคมชัดของภาพก็จะน้อยลงตามไปด้วยไม่เหมาะกับภาพถ่ายเนื่องจากมีการไล่ระดับเฉดสีแค่ 256 สี ทำให้มีความละเอียดไม่เพียงพอ แต่คุณสมบัติที่แตกต่างออกไปคือสามารถทำเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ หรือที่เรียกกันว่า GIF Animation 

(3) PNG (.png) 
สามารถบีบอัดไฟล์ได้เล็กอยู่ แต่ยังคงคุณภาพไว้มีระดับการใช้งานได้ถึง 16 ล้านสี 
 คุณสมบัติบางอย่างจะคล้ายกับ GIF แต่คุณภาจะดีกว่า

(4) BMP (.bmp) 
ไฟล์นี้แสดงผลได้ถึง 16.7 ล้านสี บันทึกได้ทั้งโหมด RGB, Index Color, Grayscale และ Bitmap สามารถนำไปเปิดใช้งานได้ในหลายโปรแกรม แต่คุณภาพไม่เท่า JPG 

(5) Photoshop (.psd) 
ไฟล์นี้จะดีมาก เวลาเซฟจะเซฟเป็นแบบแยกเลเยอร์ให้ สามารถนำกลับมาแก้ไขได้
ไม่สามารถใช้กับโปรแกรมอื่นๆ

(6) TIFF (.tif) 
เป็นสกุลที่มีความยืดหยุ่น คุณภาพที่สูงสุดๆ เซฟภาพได้ทั้งในโหมด GrayscaleIndex Color, RGB และ CMYK เปิดได้ทั้งบนเครื่อง Mac และ PC เหมาะมากสำหรับใช้ในการสื่อสิ่งพิมพ์ 

(7). EPS (.eps)
 ไฟล์นี้สามารถนำไปเปิดใช้ได้ในโปรแกรม Illustrator และก็ยังสามารถบันทึกได้ในโปรแกรม Photoshop สนับสนุนการสร้าง Path หรือ Clipping Path บันทึกได้ทั้ง Vector และ Rastor สนับสนุนโหมด Lab, CMYK, RGB, Index Color, Duotone และ Bitmap 

(8). PICT (.pic)
 เป็นแบบมาตรฐานในการเซฟภาพแบบ 32 บิตของ Macintosh. สามารถแสดงผลสีได้16.7 ล้านสี 
สามารถบีบอัดภาพได้เช่นกัน แต่แค่ซัพพอร์ตโหมด RGB เท่านั้น

(9). RAW (.raw)
 เหมาะสำหรับภาพถ่ายมากๆ สกุลนี้ ไม่มีการบีบอัดภาพ รายละเอียดต่างๆก็ยังครบถ้วยสมบูรณ์เลย
 ขนาดไฟล์ก็ใหญ่สุดๆปัจจุบันหาโปรแกรมเปิดไฟล์ชนิดนี้ยาก

(10). BMP (.bmp)
 ภาพบิตแมพ (Bitmap) เป็นภาพที่มีการเก็บข้อมูลแบบพิกเซล หรือจุดเล็กๆ ที่แสดงค่าสี ดังนั้นภาพหนึ่งๆ จึงเกิดจากจุดเล็กๆ หลายๆ จุดประกอบกัน(คล้ายๆ กับการปักผ้าครอสติก)


ไฟล์เสียง

(1). MIDI (.mid) ย่อมาจาก Musical Instrument Digital Interface 
เป็นไฟล์ที่ไม่สามารถบันทึกเสียงร้องได้ เพราะเป็นไฟล์ที่เก็บคำสั่งที่ส่งไปให้อุปกรณ์ดนตรีแสดงเสียงออกมาตามข้อมูลที่อยู่ข้างในได้ ทำให้อุปกรณ์ดนตรีที่ต่างกัน เมื่อได้ทำงานกับไฟล์ midi อันเดียวกัน อาจทำเสียงออกมาไม่เหมือนกันก็ได้ไฟล์แบบนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะมีขนาดเล็ก และแก้ไขได้ง่าย สามารถประยุกต์ให้ midi เหล่านี้ออกมาเป็นเสียงดนตรีจริงๆได้ ดังนั้นคุณภาพเสียงที่อ่านได้จาก midi จะดีแค่ไหน จึงขึ้นอยู่กับ sound card (support midi) หรือ อุปกรณ์+software ประเภทsynthesizer  
                                                            
(2). WAVE (.wav) 
เป็นไฟล์เสียงที่ได้มาจากการบันทึกเสียง แล้วเก็บไว้ในระบบดิจิตอล ทำให้เราสามารถนำไฟล์เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้งานต่างๆต่อได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งเสียง ผสมเสียง หรือ convert ไปเป็นไฟล์เสียงประเภทอื่นๆได้ (เมื่อทำงานร่วมกับ software) ไฟล์ประเภทนี้มีขนาดใหญ่ เพราะสามารถเก็บความละเอียดไว้ได้มากเท่าที่เราต้องการโดยไม่มีการบีบอัดข้อมูล (นอกจากว่าจะมาปรับแต่งทีหลัง) เป็นไฟล์เสียงประเภทหนึ่งที่มักจะพบในวงการดนตรีมาก     
                                                                               
(3). CD Audio (.cda)
 เป็นไฟล์เสียงที่บันทึกลงบนแผ่นซีดี ใช้เล่นกับเครื่องเสียงทั่วไป ไฟล์ประเภทนี้มีความคมชัดของสัญญาณมาก เพราะไม่มีการบีบอัดข้อมูล เพียงเข้ารหัสในระบบ Linear PCM เป็นไฟล์ .cda ที่มักจะตั้งค่าการเก็บข้อมูลเสียงโดยการสุ่มและแปลงสัญญาณไว้ที่ 44,100 ครั้งต่อวินาที ปกติคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถอ่านไฟล์นี้ได้โดยตรง ต้องเล่นผ่านอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องเสียง , ซีดีรอม หรือ software บางชนิด                                                                     

(4). MP3 (.mp3) 
เป็นที่นิยมมากในหมู่นักฟังเพลงทั่วไปในปัจจุบัน เพราะเป็นไฟล์เสียงที่ถูกบีบข้อมูลให้เล็กลงจากสัญญาณเสียงจริงได้ถึง 10 เท่า โดยเราสามารถเลือกความละเอียดของการเข้ารหัสได้ ทำให้คุณภาพเสียงของไฟล์ประเภทนี้ที่บีบอัดข้อมูลไม่มากนัก มีคุณภาพดีใช้ได้เลยทีเดียว (bitrate 128 Kbps) และเนื่องจากความเล็กของไฟล์ประเภทนี้ทำให้เป็นที่นิยมในการส่งไฟล์นี้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกันด้วย     
                                                                                               
(5). WMA (.wma) 
เป็นไฟล์เสียงที่ บ.ไมโครซอฟท์ คิดขึ้นมาให้ทำงานร่วมกับโปรแกรม Windows Media Player ของระบบวินโดว์ สามารถฟังเสียงผ่านระบบ streaming ได้ คือ ดาวน์โหลดข้อมูลไปด้วย พร้อมกับถอดรหัสเสียงให้ฟังไปพร้อมๆกันเลย โดยไม่ต้องรอให้ดาวน์โหลดครบ 100% ส่วนคุณภาพเสียงนั้นมีความละเอียดสูงไม่แพ้ mp3 128 Kbps เลย แต่จะมีขนาดเล็กกว่า mp3 ที่ความละเอียดเสียงพอๆกัน เพราะเข้ารหัสแบบ bitrate 64 Kbps (ครึ่งเดียว) ปัจจุบันเครื่องเสียงบ้านและรถยนต์ได้หันมารองรับไฟล์ระบบนี้มากขึ้นแล้ว  
                                      
(6). Real Audio (.ra)
 เป็นไฟล์เสียงที่ทำงานคู่กับโปรแกรม Real Player เน้นการทำงานแบบ Streaming สามารถฟังเสียงและดูภาพขณะกำลังดาวน์โหลดข้อมูลได้พร้อมๆกันเลย มีหลายความละเอียดให้เลือกหลายระดับ เป็นที่นิยมในหมู่นักดูหนังฟังเพลงในอินเตอร์เน็ตมาก    
                      
(7). Streaming Format (.asf)
 เป็นไฟล์เสียงหนึ่งที่มีรูปแบบ Streaming ที่เน้นส่งข้อมูลเสียงแบบ real time ใช้กันมากในการฟังวิทยุออนไลน์บนอินเตอร์เน็ต                                                                 

(8). Audio Interchange File Format (.aif , .aiff)
 เป็นไฟล์ลักษณะคล้ายไฟล์ Wave แต่ใช้สำหรับเครื่อง Macintosh  
                                                                                                                                
(9). ACC (.acc)
 เป็นไฟล์เสียงที่มีคุณภาพสูงมาก สุ่มความถี่ได้ถึง 96 kHz รองรับอัตราการเล่นไฟล์สูงถึง 576 Kbps สามารถแยกเสียงได้ถึงระบบ 5.1ช่อง เทียบเท่า Dolby Digital หรือ AC-3

ที่มา : http://blog.eduzones.com/ditsapol/14099 

อนุทินครั้งที่ 5

อนุทินครั้งที่ 5
( 23 มกราคม 2555 )

ประเภทของคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ


 >> ประเภทของคอมพิวเตอร์ << 


แบ่งตามลักษณะข้อมูล 

คอมพิวเตอร์อนาลอก (Analog Computer) 
เป็นคอมพิวเตอร์ยุคแรก ประมวลผลแบบต่อเนื่อง อยู่ในรูปความถี่ต่อเนื่องแต่ไม่คงที่  

คอมพิวเตอร์ดิจิตอล (Digital Computer) 
เ้ป็นคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลแบบไม่ต่อเนื่อง เป็นข้อมูลสามารถนับได้แน่นอนนับทีละ 1 หน่วย   

คอมพิวเตอร์ไฮบริด (Hybrid Computer) 
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีการทำงานร่วมกันของคอมพิวเตอร์อนาลอกและคอมพิวเตอร์ดิจิตอล ในการประมวลผลข้อมูลเพื่อการใช้งานด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม 

แบ่งตามวัตถุประสงค์การใช้งาน  

คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับงานทั่วไป (General - Purpose Computer) 
เป็นคอมพิวเตอร์ที่สามรถใช้กับงานหลายด้านในเครื่องเดียวกัน 

คอมพิวเตอร์ที่ใช้กับงานเฉพาะด้าน (Special - Purpose Computer) 
เป็นคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อการใช้งานเฉพาะงานใดงานหนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น 

แบ่งตามขนาด 

ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)     

มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) 

เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) 

ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer)

       




  >> องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ <<


ฮาร์ดแวร์ (Hardware) 
       มี 4 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลข้อมูล หน่วยแสดงผล หน่วยความจำสำรอง


                                                                  ซอฟต์แวร์ (Software) 
          ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ส่งให้หน่วยย่อยๆในฮาร์ดแวร์ทำงานโดยชุดคำสั่งถูกเขียนด้วยโปรแกรมภาษา ที่เป็นภาษาเครื่อง ที่คอมพิวเตอร์รู้จักและเข้าใจซอฟแวร์แบ่งได้ 2 ประเภท คือ   

ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของหน่วยงานต่างๆในฮาร์ดแวร์ให้ทำงานประสานกัน

ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Package Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่มีผู้พัฒนาอย่างเป็นมาตรฐานไว้แล้ว เช่น สามารถนำซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้งานของตนเองได้


บุคลากร (Peopleware) 

     ประกอบด้วย 3 ฝ่ายงาน คือ ฝ่ายวิเคราะห์และออกแบบ ฝ่ายพัฒนาโปรแกรม ฝ่ายปฏิบัติการและบริการ ข้อมูล (Data)  หมายถึง ข้อมูลดิบที่ยังไม่ผ่านการประมวลผลข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง สามารถตรวจสอบได้ เป็นส่วนที่ผู้ใช้ป้อนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นวัตถุดิบในการสร้างสารสนเทศ Human Error, Data Error, Program Logic Error


ขั้นตอนของกระบวนการ (Procedure
ขั้นตอนการเข้าลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ต ขั้นตอนการเข้าระบบประเมินผลการเรียนการสอน ขั้นตอนการใช้บริการจองใช้ทรัพยากรอาคารเรียนรู้ สำนักห้องสมุด มก. การสื่อสารข้อมูล


ระบบเครื่อข่าย (Data Communications and Network System) 
เป็นการสื่อสารข้อมูลผ่านอุปกรณ์สื่อสารด้วยการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกัน เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สื่อกลางจะเชื่อมต่อผ่านช่องทางการสื่อสารอาจเป็นแบบใช้สายหรือไร้สาย ซึ่งเป็นการสื่อสารข้อมูลด้วยช่องทางโทรคมนาคม เครือข่าย (Network) แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ เครือข่ายระยะใกล้ (LAN) เครือข่ายระหว่างเมือง (MAN) และเครือข่ายระยะไกล (WAN)





คำถาม
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศมีอะไรบ้างและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร


องค์ประกอบของระบบสารสนเทศมีทั้งหมด 6 ส่วนได้แก่

1. ฮาร์ดแวร์
เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผล คำนวณ หรือพิมพ์รายงานได้ผลตามที่ต้องการ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้รวดเร็ว มีความแม่นยำในการทำงาน และทำงานได้ต่อเนืองสามารถบันทึกแล้วเรียกกลับมาใช้ได้อีก 

2. ซอฟต์แวร์
 คือลำดับขั้นตอนของคำสั่งที่ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำงานตามวัตถุประสงค์กำหนด คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ และประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ 

3.บุคลากร
 เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมาก เพราะบุคลากรต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจวิธีการให้ได้มาซึ่งสารสนเทศ บุคลากรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

4. ข้อมูล 
เป็นวัตถุดิบที่ทำให้เกิดสารสนเทศ ข้อมูลที่เป็นวัตถุดิบจะต่างกันอย่างไร ขึ้นกับสารสนเทศที่เราต้องการ เช่น ในการทำงานบริษัทมักจะต้องการ สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน คู่แข่งขัน ความต้องการทางการตลาด 

5. ขั้นตอนกระบวนการ 
เป็นวิธีการปฏิบัติงาน เช่นอย่างการที่เราต้องการประเมินการเรียนการสอนทางอินเตอร์เน็ต เราก็ต้องเข้าระบบประเมิน แล้วก็ทำการประเมิน  

6. เครือข่าย  
เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อช่วยให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และช่วยการติดต่อสื่อสารด้วยการใช้ช่องทางต่าง ๆเช่น เครือข่ายไร้สาย โทรคมนาคม

โดยทั้ง 6 ส่วนจะทำงานสัมพันธ์กันโดยการทำงานของระบบสารสนเทศจะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้


อนุทินครั้งที่ 4

อนุทินครั้งที่ 4
( 16 มกราคม 2555 )


" Knowledge Management  "
(KM)

        ระบบบริหารจัดการความรู้ให้เป็นระเบียบ ครบถ้วน ง่ายต่อการเรียกใช้ จัดเก็บตาม
ความต้องการ เก็บรักษาความรู้ให้ควบคู่กับองค์กรตลอดไป โดยนําเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดการ



Data   >   Information   >   Knowledge   >   Wisdom

        เป็นการใช้คอมพิวเตอร์บัทึกข้อมูลสามารถเรียกใช้ได้เมื่อต้องการ และเป็นการนำความรู้ที่
จัดเก็บไว้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทำให้เกิดผลดีขึ้น



>> ระบบสารสนเทศ <<

           ระบบสารสนเทศ หมายถึง การทำงานร่วมกันอย่างสัมพันธ์กันของแต่ลงองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วยในการนำข้อมูลเข้า  จัดเก็บ รวบรวม และประมวลผลข้อมูลจนกลายมาเป็นสารสนเทศ ที่สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจหรือใช้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะเป็นระดับบุคคลหรือระดับองค์กร


 >>       การจัดการความรู้    <<

      การจัดการความรู้ คือ กระบวนการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบที่เน้นการพัฒนาการปฏิบัติงานควบคู่ไปกับการเรียนรู้ คนแต่ละคนสามารถพัฒนาความรู้ได้ คนภายในองค์กร สามารถดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรู้ รวมไปถึงการจัดการเกี่ยวกับฐานความรู้ และทรัพยากรบุคคลในองค์กร


                                                        >>   กระบวนการจัดการความรู้   << 


            เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาการของความรู้ หรือการจัดการความรู้ที่จะเกิดขึ้น


1. การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง อยู่ในรูปแบบใด อยู่ที่ใคร 
2. การสร้างและแสวงหาความรู้ เป็นการสร้างความรู้ใหม่ รักษาความรู้เก่า กำจัดความรู้ที่ไม่ได้ใช้
3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต 
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ 
5. การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก
6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ อาจจัดทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ
7. การเรียนรู้  เกิดระบบการเรียนรู้จากสร้างองค์ความรู้ การนำความรู้ในไปใช้



สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในวันนี้ 
  • ความรู้จะมีความหมายหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้ตีความ
  • ความรู้โดยนัย คือ ทักษะส่วนบุคคลและความรู้เฉพาะตัว
  • ความรู้ที่ชัดแ้จ้ง คือมีลายลักษณ์อักษรชัดเจน
  • Facebook Blog Webboard สามมารถใช้ในการจัดการความรู้ได้ดี
  • การมีกระบวนการจัดการความรู้ที่ดีสามารถช่วยลดความผิดพลาดและไม่เกิดการสูญหาย

          


  ความคิดเห็น  
อาจารย์ได้มีการนำความรู้อื่นๆและเรื่องเล่าที่สอดคล้องกับเนื้อหามาพูดให้ฟัง
ทำให้น่าสนใจและเข้าใจในเรื่องนั้นๆได้ง่ายขึ้น